--ประวัติวัดดาวดึงษาราม--
--ประวัติวัดดาวดึงษาราม--

      วัดดาวดึงษาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๘๗๒ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่
      บริเวณที่ตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกประมาณ ๒๐๐ เมตร และใกล้กับตอนใต้ปากคลองบางยี่ขัน มีถนนเข้าถึงวัดจากถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แล้วแยกเข้าซอยวัดดาวดึงษาราม บริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฝั่งธนบุรี อาณาบริเวณใกล้เคียงกับวัดดาวดึงษารามเป็นที่ตั้งของวัดบางยี่ขัน วัดจตุรมิตรประดิษฐานราม และวัดพระยาศิริไอยสวรรค์ มีทางเดิมเชื่อมถึงกันทุกวัด และมีทางเดินไปฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

        อาณาเขตวัดดาวดึงษาราม
        อาณาเขตทิศเหนือ       ติดกับวัดจตุรมิตรประดิษฐานราม
        ทิศใต้                ติดกับที่ดินเอกชน
        ทิศตะวันออก           ติดกับที่ดินของวัดจตุรมิตรประดิษฐานราม
        ทิศตะวันตก            ติดกับที่ดินเอกชน
    

--ประวัติความเป็นมา--
      วัดดาวดึงษาราสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตามตำนานกล่าวว่า เจ้าจอมแว่น หรือ คุณเสือ พระสมเอกในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นชาวลาวสร้างขึ้น ทำด้วยเสาไม้แก่น พระอุโบสถก่ออิฐสูงพ้นพื้นดินประมาณ ๒ ศอก มีไม้แก่นเป็นเสาประกอบหลังคา หลังคามุงกระเบื้อง ฝาผนังเป็นไม้สัก มีบานประตูหน้าต่าง เป็นเพียงวัดเล็กๆ สันนิษฐานว่าสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะทรงพระประชวร และได้นิมนต์ พระอธิการอิน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาธุระมาจำพรรษา เข้าใจว่า ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวลาวมาครองวัด ชาวบ้านจึงเรียกว่า "วัดขรัวอิน"


      พุทธศักราช ๒๓๖๘ ได้เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้ากฐิน ตามพระอารามหลวงทั่วกรุงปรากฎบัญชีรายนามเจ้าอธิการวัดดาวดึงษาราม ในบัญชีพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ตามจดหมายเหตุ จ.ศ.๑๑๘๗ ความว่า
      "วันพฤหัสบดี แรม ๑๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๘๗ ข้าพพุทธเจ้าจะหมื่นรัตนะโกษา ปลัดกรมพระคลังสุภรัต ขอรับพระราชทานทำบัญชีผ้าพระกฐิน และผ้าจีวร ไตรปี ปาน สาน ยำตะหนี่ ยกในตัว โปร่งริ้ว

และบาตร lสาระบาบ สายโยกแถบเงิน ทอง และบาตร์เหลกถลกลายซึ่งทรางพระราชศรัทธาถวายไปแล้วนั้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในนี้ ขอเดชะ nbsp;     สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ๑ สมด็จพระนพรัด ๑ กรมหมื่น... ๑ ครองพระกฐิน ๓ (รูป) พระราชาคณะได้ครองพระกฐิน ในกรุง ๒๙ นอกกรุง ๗ (รวม) ๓๖ (รูป) ....ในกรุง นอกกรุก (รวม) ๓๐ (รูป) ฐานารุกรมผู้ใหญ่ ผู้น้อย ครองไตรปีในกรุง ๒๘ นอกกรุง ๘ (รวม) ๑๓๖ (รูป) ฐานานุกรมนอกกรุงครองพระกฐิน ๑ พระครูนอกกรุงครองพระกฐิน ๕ (รวม) ๖ (รูป) พระครูในกรุงครองไตรปี ๒๓ เปรียญครองไตรปี ในกรุง ๓๙ รามัญนอกกรุง ๑ (รวม) ๔๐ (รูป) สามประโยคครองไตรปี ๑๑ มะหาชาดครองไตรปี ๗ อาจารย์ครองไตรปี ๔ อนุจรครองไตรปี ๑ เจ้าอธิการครองพระกฐิน ในกรุง ๗ นอกกรุก ๑ (รวม) ๘ (รูป) (รวมทั้งหมด ) ๓๑๔ (รูป) หัวเมือง ขึ้นมหาดไท ๓๔ หัวเมืองเป็นผ้า เอก ๒ ตรี ๖๓ (รวม) ๖๕ ขึ้นกะลาโหม ๘ หัวเมืองเป็นผ้าตรี ๔๒ ขึ้นกรมท่า ๙ หัวเมืองเป็นผ้าตรี ๒๒ พระราชทานพระกฐินใหม่ขึ้นมหาดไท ๔๗ (รวมทั้งหมด) เป็นผ้าเอก ๒๑๒ เป็นผ้าไท ๑๐๒ เป็นผ้าตรี ๑๗๖ (รวม) ๔๘๘ (ผืน) "

ฯลฯ
      เจ้าอธิการ วัดคอกกระบือ ๑ วัดจันทาราม ๑ วัดหนัง ๑ วัดดาวดึงษ์ ๑ วัดบางขุนพรหมนอก ๑ ครองพระกฐิน (รวม) ๕ (รูป)
ฯลฯ

      วักศุกร แรม ๗ ค่ำ เดือน ๘ หลัง จุลศักราช ๑๑๘๗ ปีระกา สัพศก ทรงราชศรัทธาบำเพ็ญกองการพระราชกุศล จึ่งมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สังกรี ไปอาราทนา พระราชาคณะ ถานานุกรม ปะเรียญ เจ้าอธิการเข้ามารับพระราชทานฉันเช้า เทศนาเพลาค่ำ ในพระธินั่งจักระพัตรพิมาน แล้วทรางถวายผ้าบาตร์ ต่อพระหัตเป็นนิจ์ทุกวันไป และเป็นพระสงฆ์ ผ้า บาตร์ (พระ) รับจีวร รับบาตร์ ๙๖ (รูป)

ฯลฯ
      เจ้าอธิการ ในกรุง วัดคอกกระบือ ๑ วัดจันทาราม ๑ วันหนัง ๑ วัดคูหาสวรรค์ ๑ วัดบางขุนพรหมนอก ๑ วัดดาวดึงษ์ ๑ ครองพระกฐิน (รวม) ๗ (รูป) กรุงเก่า วัดศาสดาราม ๑ (รวมทั้งหมด) ๔
ฯลฯ


      ครั้งถึงพุทธศักราช ๒๓๙๐ เมื่อก่อสร้างพระอุโบสถเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระยามหาเทพ จังได้จัดให้มีการผูกพัทธสีมา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานด้วย ปรากฏในหมายรับสั่งรัชกาลที่ ๓ จ.ศ. ๑๒๐๙ พ.ศ. ๒๓๙๐ คววามว่า
      "ด้วยพระยาบำเรอภัก รับพระราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า จะได้ผูกพัฒเสมาพระอุโบสถวัดดาวะดึง พระญามหาเทพทร้าง พระสงฆ์ ๔๐ รูป จะได้ตั้งสวดพระพุทธมล ณ วัดเดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ๑๔ ๑๕ ค่ำ เพลาบ่ายทั้ง ๓ วัน ณ วัน ๖ แรม ๑ ค่ำเดือน ๒ ปีมแม นพศก เพลาบ่าย พระสงฆ์ ๑๔๐ รูปประชุมกันสวดพระพุทธมล แล้วออกจาพระอุโบสถสวดตามทิษ พระฤกษ์จะไดยเชิญสิลาลูกนิมิตลงสู่ภูมิบาทผูกพัฒเสมาตามย่างแต่ก่อน นั้นให้ ๔ ตำรวจพาษาแรกพันผ้าฑากับไม้พลวงไปเบิกต่อคลังราชการหามลูกนิมิตเข้าไปเตรียมทูลเกล้าฯ ถวายทรงปิดทองในพระที่นั่งอำมริน ณวัน เดือน ๒ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เพลาเช้า ให้หามลูกนิมิตไปส่งให้พระญามหาเทพให้ทันกำนฎ ให้ทำเพดารรอบพระอุโบสถ ให้ตั้งหลักทิมสงฆ์สูง ต่ำภอสมควร
      สำรับขึงเชือกกันให้รอบ อย่าให้คนเข้าไปในอัฏบาทได้ ให้ทำสารเทวดาลด ๒ ชึ้น ๔ สาร ทั้งมุมพระอุโบสถ ๔ ทิษ ให้รับผ้าชมพูต่อเช้าคลังวิเสดไปปกลูกนิมิด ๙ ลูก ๆ ละ ศอก ให้ยืมเก้าอี่ต่อกรมท่าซ้ายไปตั้ง ทิ่วลุมละ ๒ เกาอี่ สำหรบพระสงฆ์นั่ง แล้วให้เบิกผ้าขาวต่อคลังในขวาไปดาษ
      เพดารทิมสงฆ์ มีระบายรอบทั้ง ๔ ดาร ให้เบิกกระดาษเงินทอง ต่อท่านเจ้าภาพทำราชวัดสูงศอก ๑ ยาว ๓ ศอก มีฉัดปัก ๔ มุม ทั้ง ๙ ลุม แล้วไหยไปยืมโกรงเตียงทิศ หุมผ้าขาวที่วังกรมหมื่นศรีสุเทพไปตั้ง ๔ เตียงโกรงเตยีงอย่าให้ลมพัดเพลิงดับได เร่งเอาไปตั้ง แต่ ณ วันเดือน ๒ แรม ๑ ค่ำ เพลาเช้า แล้วให้เอาพระแท่นไปรับเสด็จด้วย ให้ทำฉนวนน้ำปจำถ้าที่ลงบังคน ไหพร้อม ให้ทำปรำในกำแพงแก้วรับเสด็จฯ ด้วยอนึ่งหลวงศรีวรยศเอาเชือกแดงที่วหลวงศรีเสารุทไปขึงผูกทิมส้างสำหรับพระสงฆ์ยืนถือสวดลูกนิมิต ให้รอบพระอุโบสถ เหมือนอย่างทุกครั้งๆ"


--จดมหายเหตุรัชกาลที่ ๓--
เรื่อง เสด็จฯไปทรงผูกพัทธสีมาวัดดาวดึงษาราม ตอนที่ ๑

--ราชกิจจานุเบกษา--
เรื่อง ปฏิสังขรณ์วัดดาวดึงษาราม ร.ศ.๑๒๔

      ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ได้ทรงบูรณะ มีการรื้อศาลาปูนรอบพระอุโบสถ และสร้างหอระฆังใหม่แทนหอระฆังเก่าที่ชำรุดหักพัง จากนั้นได้ปฏิสังขรณ์และซ่อมแซมกุฏิและหอฉัน ต่อมาสภาพวัดทรุดโทรมเกือบเป็นวัดร้าง บางปีเหลือเจ้าอาวาสเพียงรูปเดียว คือ พระครูปริยัติโกศล (กล่ำ) จนกระทั้งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระครูศีลขันธ์สุนทร (เปรม) มาครองวัดก็ได้เริ่มปฏิสังขรณ์มีการซ่อมแซมสิ่งปรักหักพังบางอย่างบ้าง และมีพระสงฆ์มาอยู่จำพรรษามากขึ้น
      ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.๒๔๗๔ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จมาทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาฝนังที่วัด เห็นชำรุดเสียหายเป็นส่วนมากจึงรังสั่งให้พระครูโวทานธรรมาจารย์ (หวาด) หาทางซ่อมแซมรักษาภาพที่เหลือไว้ให้ดี โดยใช้ผลประโยชน์ของวัดมาซ่อมแซม ต่อจากนั้นจจึงเริ่มมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ โดยรื้อตัวไม้และกระเบื้องบนหลังคา เฉลียงที่หักพังซ่อมแซมเครื่องไม้หลังคา และเฉลียงด้านหน้ากับด้านหลัง ทำกันสาดสังกะสีเหนือขอบประตูและหน้าต่างกันฝน ซ่อมพื้นขอบหน้าต่าง และต่อมาได้สร้างคารัว ศาลาท่าน้ำ ขุดบ่อน้ำ ซ่อมหอระฆัง ศาลาการเปรียญและกุฏิ
      ในรัชการปัจจุบัน ครั้งพระครูโวทานธรรมาจารย์ (หวาด) ได้ถึงแก่มรณภาพลง พระครูปลัดบุศย์ (ภายหลังเป็นพระเทพปริยัติวิธาน ) ได้ย้ายมาจากวัดพิกุลทอง มาครองวัดนี้ ได้เริ่มมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถก่อน เนื่องจากหลังคาพระอุโบสถชำรุดทรุดโทรมมาก เมื่อฝนตกภายในพระอุโบสถเปียกจนทำให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังชำรุดเลอะเลือน ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจมบพิตร ฯ ทรงเป็นประธานดำเนินการ คุณหญิงมิ กลาโหมราชเสนา ภริยาพระยากลาโหมราชเสนา (เล็ก ปาณิกบุตร) เป็นผู้บริจาคเงิน พระอุโบสถได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่จนงดงาม แล้วจึงได้บูรณะกำแพงแก้วชั้นนอกและศาลาจตุรมุข ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๒๘ ได้ก่อสร้างหอสวดมนต์ก่ออิฐถือปูน ครั้งพระเทพปริยัติวิธาน ได้ถึงแก่มรณภาพลง พระราชปริยัติเวที (สุชาติ) ได้ครองวัดสืบต่อมาได้สานต่อเจตนารมณ์ของพระเทพปริยัติวิธานโดยการจัดการศึกษาปริยัติธรรมและปรับปรุงพระอารามให้มีความงดงามมากขึ้นดังที่เห็นในปัจจุบัน




เพจวัดดาวดึงษาราม
ธรรมะ-คติธรรม

อาสาฬหบูชา_วันแห่งการเปิดใจยอมรับความจริง ปกติมนุษย์ในโลกย่อมชำนาญต่อการปิดกั้นหัวใจ..อ่านเพิ่ม

ถ้าผมจะบอกคุณว่า "กิเลสมันพันอยู่ที่ขันธ์5 ตัณหามันร้อยอยู่ที่โลกธรรม8"อ่านเพิ่ม

วัตถุมงคล