ประวัติเบื้องต้นของท่านยังไม่ปรากฎมากนัก สันนิษฐานว่า เป็นพรสงฆ์ชาวลาวที่มีความคุ้นเคยกับเจ้าจอมแว่น ครั้นเจ้าจอมแว่นสร้างวัดดาวดึงษารามแล้ว จึงได้นิมนต์ท่านมาครองวัดดาวดึงษารามนี้ ท่านมีอายุมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ ถึงมรณภาพเมื่อไหร่ ไม่ปรากฎ
ประวัติพระอธิการอยู่ ในชั้นเบื้องต้นไม่สามารถสืบได้ มีปรากฎเพียงนามของท่าน ในจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๓ เรื่องบัญชีพระสงฆ์รับพุ่มเทียน
ต่อพระหัตถ์ พ.ศ.๒๓๖๗-๒๓๗๑ ว่า
สืบประวัติเบื้องต้นไม่ได้ว่าเป็นมาอย่างไร ทราบแต่เพียงว่าเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อจากพระอธิการอยู่ เป็นพระสมุห์ ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษารามในพระราชทินนามที่ พระครูสีลสารสุนทร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๖ มีสำเนาแต่งตั้งดังนี้ ให้พระสมุห์ (เพด) วัดดาวดึงษ เป็นพระครูสีลสารสุนทรมีนิตยภัตร ราคาเดือนละ ๑๒ ขอพระคุณจงเอาธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอนช่วยระงับอธิการและสงเคราะห์พระภิกษุสามเณร ในพระอารามโดยสมควร จงมีสุขสวัสดิ์เจริญในพระพุทธศาสนาเทอญ ท่านได้มรณภาพเมื่อไหร่ไม่ปรากฎ สันนิษฐานว่า มรณภาพในราวก่อนปี พ.ศ.๒๔๐๘ สืบประวัติได้เพียงเท่านี้
ท่านเป็นพระฐานานุกรมของพระครูสีลสารสุนทร ครั้งพระครูสีลสารสุนทรมาณภาพท่านได้ครองวัดสืบต่อมา และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม แต่ไม่ทราบราชทินนาม มรณภาพในสมัยรัชกาลที่ ๔
นามเดิมว่า บุญ ประวัติท่านเบื้องต้น ท่านเคยเป็นข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังได้อุปสมบทที่วัดดาวดึงษาราม ในสมัยพระครูนุต ครั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จฯ มาทรงถวายผ้าพระกฐินที่วัดดาวดึงษาราม ทรงจำได้และทรงมีพระราชปฏิสันถารด้วย ครั้นพระครุนุตมรณภาพลง จึงได้ทรง ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูบุรณศรัทธาจาร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๙ ท่านครองวัดถึงเมื่อไหร่สืบความไม่ได้ คงมรณภาพในสมัยรัชกาลที่ ๕
นามเดิมว่า ริด เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๓ พ.ศ.๒๓๖๘ อุปสมบทในสมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ.๒๓๙๗ เมื่ออายุได้ ๒๙ ปี ณ วัดเทวราชกุญชร
แต่ไม่ปรากฏว่าใครเป็นพระอุปัฌชาย์ ต่อมาได้เป็นพระปลัดแล้วทรงโปรดให้มารั้งตำแหน่งวัดดาวดึงษาราม จนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูปริยัติโกศล
เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม และถึงแก่มรณภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๘ ศิริอายุได้ ๖๑ ปี พรรษา ๓๒ ดังความประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า
พระครูปรัยัติโกศล (ริด) วัดดาวดึงษาราม อาพาทเป็นไข้ทรพิศม์ มาแต่วันอังคารเดือน ๖ แรมแปดค่ำปีจอ อัฐศก ได้หาหมอ
เชลยศักรักษาอาการหาคลายไม่ ครั้น ณ วันจันทร์ เดือน เจด ปีจอ อัฐศก เวลาบ่าย ๕ โมงเสส พระครูปริยัติโกศล ถึงแต่มรณภาพ อายุศม ๖๑ ปี พรรษา ๓๒ โปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานจัดหีบก้าน
แย่งไปรองศพตามสมควร
นามเดิมว่า กล่ำ เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๗๘ ครั้นอุปสมบทแล้วได้เป็นพระสมุห์ฐานานุกรมในพระครูปรัยัติโกศล (ริด) ถึงแก่มรณภาพเมื่อปี
พ.ศ. ๒๔๓๒ ในรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูปริยัติโกศล ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาว่า
"พระสมุห์กล่ำวัดดาวะดึงษ์ เป็นพระครูปรัยัติโกศล เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษ์ มีนิตยภัตร เดือนละ ๒ ตำลึง พระราชทานตาลิปัตพุดตานหักทองขวางแลอื่นๆ เหมือนพระครูสุนทรทรากษรวิจิตร์"
(พระครูสุนทรทรากษรวิจิตร วัดพระยาธรรมได้รับพระราชทานพระไตรสลับแพร พัดรองโหมดเทศ ย่ามหักทองขวางที่ขอบ ย่ามอัตลัต บาตรถุงอัดตลัด
พระโถนถาน้ำถมปัด ผ้าขาวพับหมากพลูธูปเทียนพร้อมเครื่อง)
ท่านครองวัดดาวดึงษารามจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.๒๔๕๘ ได้ขอพระบรมราชานุญาตลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสเหตุด้วยมีความชราภาพและอาพาธ ทรงพระราชทานยกขึ้นเป็น
เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๗ จากนั้นท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสามกุฏิ จากนั้นญาติของท่านได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดสะพานสูง (เข้าใจว่าญาติท่านไ้ดอาศัยอยู่แถวนั้นคงจักได้อุปัฏฐานท่านได้ง่าย)
ท่านได้ถึงแก่มรณภาพที่วัดสะพานสูงนี่เอง เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนมีนามคม สิริอายุได้ ๘๙ ปี ดังความประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า
พระครูปริยัติโกศล(กล่ำ) เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ วัดดาวดึงษาราม จังหวัดธนบุรี อายุ ๘๙ ปี อาพาธเป็นโรคชราถึงแก่มรณภาพ วันที่
๑๒ มีนาคม พระพุทธศักราชที่ ๒๔๖๗
นามเดิมว่า เปรม เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๒ ในรัชกาลที่ ๔ ได้อุปสมบทที่วัดสังเวชวิศยาราม แล้วได้เป็นพระสุมห์ฐานานุกรมในพระวิสุทธิสังวรเถร (กล่อม)
เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม ครั้ง พ.ศ. ๒๔๕๘ พระครูปริยัติโกศล (กล่ำ) ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม เหตุผลเพราะชราภาพและทุพพลภาพ จึงได้โปรดมาครองวัดดาวดึงษาราม
ครั้นถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ศกเดียวกันนี้ ทรงตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูศีลขันธ์สุนทร เจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม ดังความประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่นที่ ๒๑ ว่า
นามเดิม หวาด นามฉายา สุธมฺโม นามสกุล สาระมณี เกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีชวด จุลศักราช ๑๒๓๘ ตรงกับวันที่ ๒๐ ธันวาคม
พ.ศ.๒๔๑๙ ที่บ้านตำบลบ้านคลัง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อท่านมีอายุ ๘ ปี ได้ไปอยู่กับพระอาจารย์รอด ที่วัดพิกุล ซึ่งอยู่ใกล้บ้านคนละฝั่งแม่น้ำ ได้เรียนหนังสือไทยกับพระอาจารย์รอด ครั้นอายุ ๑๕ ปี
ได้ไปอยู่กับพระธรรมราชานุวัตร (สอาด)ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระยาไตรโลก วัดศาลาปูน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อศึกษาเล่าเรียนต่อ แล้วบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดศาลาปูน ครั้นอายุครบอุปสมบทได้มาอุปสมบท
ที่วัดพิกุล เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๔๔๐ โดยมีพระธรรมราชานุวัตร (สอาด) เป็นพระอุปัชฌาย์
"ขอเชิญร่วมบุญวันออกพรรษา ตักบาตรเทโว..."ขอเชิญร่วมบุญวันออกพรรษา ตักบาตรเทโว
โพสเมื่อ:Oct 31, 2020